Nested Set model ข้อมูลเชิงซ้อนโครงสร้างต้นไม้

จัดการข้อมูลเชิงซ้อนโครงสร้างต้นไม้ด้วย Nested Set model กับ PHP. ข้อมูลเชิงซ้อนโครงสร้างต้นไม้คือ ข้อมูลที่มีชุดรายการลูกอยู่ภายในตัวมันเอง อยู่ในตารางฐานข้อมูลเดียวกัน อ้างอิงไปยังรายการต้นกำเนิดผ่านทางคอลัมน์หนึ่ง เช่น parent_id หรือยกตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมทั่วไปก็เช่น ข้อมูลหมวดหมู่ ที่สามารถมีหมวดหมู่ย่อยๆลงไปได้ไม่จำกัด โดยการอ้างอิง parent_id ไปยัง id ในตารางเดียวกันนั่นเอง.

Nested Set model นี้จะมีส่วนช่วยให้งานจัดการข้อมูลเชิงซ้อนนี้ง่ายขึ้น โดยมันจะรองรับทั้งการแสดงทีละหลายรายการ (list items), แสดงรายการที่เลือกและรายการลูกทั้งหมด, แสดงรายการลูกที่เลือก แล้วไล่ขึ้นไปทางรายการต้นกำเนิดจนถึงรากชั้นบนสุด, ลบข้อมูลรายการที่เลือกและรายการลูกทั้งหมด หรือ ลบรายการที่เลือกแล้วดึงรายการลูกขึ้นมาแทนที่, สร้างข้อมูล level, left, right ใหม่ (rebuild), ตรวจสอบการแก้ไขรายการต้นกำเนิดที่ถูกต้องจะต้องไม่ไปอยู่ใต้รายการลูกของตนเอง เป็นต้น.

ดาวน์โหลด หรือติดตั้งผ่าน Composer

อ้างอิง เอกสาร API

โปรดดูรูปตัวอย่างเปรียบเทียบ เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนได้ยิ่งขึ้น
Nested set

ตัวอย่าง

การติดตั้ง

ขอแนะนำให้คุณติดตั้งผ่าน Composer ซึ่งจะได้ใช้ Autoload และมันก็ทำงานได้ง่ายกว่ากันมาก. แต่หากคุณทำการติดตั้งแบบดำเนินการเอง ก็ให้ทำการ include ไฟล์ทั้งหมดต่อไปนี้โดยตรวจสอบ path ให้ถูกต้อง.

include_once '/path/to/Rundiz/src/NestedSet.php';

การปรับแต่ง

คุณจำเป็นต้องกำหนดค่าฐานข้อมูลให้กับคลาสนี้ เพื่อให้มันสามารถทำการ สร้าง, อ่าน, ปรับปรุง, ลบ ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง.

$db['dsn'] = 'mysql:dbname=YOUR_DB_NAME;host=localhost;port=3306;charset=UTF8';
$db['username'] = 'admin';
$db['password'] = 'pass';
$db['options'] = [
    \PDO::ATTR_ERRMODE => \PDO::ERRMODE_EXCEPTION // throws PDOException.
];
$PDO = new \PDO($dbConfig['dsn'], $dbConfig['username'], $dbConfig['password'], $dbConfig['options']);
$NestedSet = new \Rundiz\NestedSet\NestedSet($PDO);
$NestedSet->tableName = 'test_taxonomy';

หลังจากนี้คุณก็สามารถใช้ตัวแปร $NestedSet ได้แล้ว.

เปลี่ยนชื่อตาราง, คอลัมน์หรือฟิลด์ต่างๆ

ในคลาส NestedSet นั้น จะมีการกำหนดชื่อคอลัมน์ต่างๆและชื่อตารางอยู่ โดยที่คุณสามารถกำหนดให้ตรงกับชื่อคอลัมน์ที่คุณตั้งเองได้ รายละเอียดดังต่อไปนี้.

ชื่อ property รายละเอียด
idColumnName
กำหนดชื่อคอลัมน์ที่เป็น ID (primary key).
parentIdColumnName
ชื่อคอลัมน์ที่อ้างอิงไปยัง ID ต้นกำเนิด. เมื่อไม่มีต้นกำเนิดหรืออยู่ที่ราก ค่านี้จะต้องเป็น 0 เสมอ ไม่ใช่ค่า NULL.
leftColumnName
คอลัมน์ของข้อมูลค่าเลข"ซ้าย". สำหรับข้อมูลเลข ซ้าย, ขวา โปรดดูจากรูปตัวอย่างด้านบน ซึ่งเลขทั้งสองจะเริ่มจาก 1 ที่รายการแรกด้านซ้าย ไล่ลงมาเรื่อยๆและไล่กลับขึ้นไป อย่างนี้เสมอ
rightColumnName
คอลัมน์ของข้อมูลค่าเลข"ขวา".
levelColumnName
คอลัมน์ของข้อมูลค่าเลขระดับ ที่อ้างอิงถึงระดับชั้นความลึก โดยมันจะเริ่มที่ 1.
positionColumnName
คอลัมน์ของข้อมูลตำแหน่งลำดับการแสดงผล โดยเริ่มจาก 1 ในแต่ละระดับชั้นของมันเสมอ.
tableName
ชื่อตาราง.

ตัวอย่างการกำหนดชื่อตารางและคอลัมน์ต่างๆเสียใหม่ให้ตรงกับตารางของคุณที่มีอยู่แล้ว.

$NestedSet->tableName= 'categories';
$NestedSet->idColumnName= 'category_id';
$NestedSet->leftColumnName= 'category_left';
$NestedSet->rightColumnName= 'category_right';
$NestedSet->levelColumnName= 'category_level';
$NestedSet->positionColumnName= 'category_position';

เพิ่ม, ปรับปรุงข้อมูล

ขอข้อมูลตำแหน่งใหม่

จาก sql ตัวอย่างที่อยู่ในไฟล์ดาวน์โหลด จะมีข้อมูล position อยู่ด้วย ซึ่งมันมีความสำคัญในการลำดับการแสดงผล โดยข้อมูลตำแหน่งนี้จะไล่จาก 1 ขึ้นไปเรื่อยๆ และเมื่อมันอยู่ต่างต้นกำเนิดกัน ก็จะเริ่มที่ 1 ใหม่เสมอ

$new_position = $NestedSet->getNewPosition(4);

คุณจะได้ค่าตำแหน่งใหม่อยู่ในตัวแปร $new_position.

เพิ่ม/ปรับปรุง

การเพิ่ม (insert), และการปรับปรุงข้อมูล (update) ทุกๆกรณีที่มีคำสั่ง INSERT, UPDATE จะต้องมีการรันเมธอด rebuild() เสมอ เพื่อสร้างข้อมูล level, left, right ที่ถูกต้อง.

$stmt = $PDO->prepare('INSERT INTO `test_taxonomy`(`parent_id`, `name`, `position`) VALUES (?, ?, ?)');
$stmt->execute([0, 'Root 4', 4]);
$NestedSet->rebuild();
$stmt = $PDO->prepare('UPDATE `test_taxonomy`SET `name` = ?, `position` = ? WHERE `id` = ?;
$stmt->execute(['Root 4 new name', 4, 21]);
$NestedSet->rebuild();

บางกรณีอาจมีการเพิ่มหรือปรับปรุงข้อมูลครั้งละมากๆ ก็สามารถรันเมธอด rebuild() ในภายหลังสุดได้.

ตรวจสอบว่ารายการต้นกำเนิดที่เลือกอยู่ภายใต้รายการลูกหรือไม่

สมมุติว่ามีข้อมูลดังต่อไปนี้. Root 2 > 2.1 > 2.1.1 > 2.1.1.1 เมื่อทำการแก้ไขข้อมูลที่ชื่อ 2.1 ต้นกำเนิดเดิมคือ Root 2 ซึ่งไม่ได้เป็นลูกของ 2.1 แต่เมื่อจะทำการเปลี่ยนต้นกำเนิดใหม่ โดยเลือกต้นกำเนิดใหม่ไปที่ 2.1.1 ซึ่งเป็นลูกของ 2.1, ดังนั้นต้นกำเนิดใหม่นี้ก็จะไม่ถูกต้อง การตรวจสอบนี้สามารถทำได้โดยใช้ isParentUnderMyChildren() ซึ่งค่าที่ได้รับกลับมาจะเป็น boolean โดยที่ค่า false หมายถึงต้นกำเนิดที่เลือกใหม่ไม่ได้อยู่ภายใต้รายการลูก คือข้อมูลนี้ถูกต้อง แต่ถ้าหากเป็น true หมายถึงรายการต้นกำเนิดที่เลือกใหม่นี้อยู่ภายใต้รายการลูก ซึ่งไม่ถูกต้อง.

$editing_item_id = 9;
$new_parent_id = 7;
var_dump($NestedSet->isParentUnderMyChildren($editing_item_id, $new_parent_id));// false (ถูกต้อง! ต้นกำเนิดไม่ได้อยู่ภายใต้ลูกของรายการนี้)

$new_parent_id = 14;
var_dump($NestedSet->isParentUnderMyChildren($editing_item_id, $new_parent_id));// true (ไม่ถูกต้อง! ต้นกำเนิดอยู่ภายใต้ลูกของรายการนี้)

อ่านข้อมูล

การจะอ่านหรือดึงข้อมูลของรายการที่เลือก พร้อมทั้งรายการลูกๆทั้งหมด สามารถทำได้ง่ายดังนี้.

$options['filter_taxonomy_id'] = 3;// The selected item ID.
$list_txn = $NestedSet->getTaxonomyWithChildren($options);
unset($options);
print_r($list_txn);

การอ่านหรือดึงข้อมูลของรายการที่เลือก รวมถึงรายการต้นกำเนิดของมันไปจนถึงรายการรากชั้นแรกสุด ก็สามารถทำได้ง่ายดังนี้.

$options['filter_taxonomy_id'] = 13;// The selected item ID.
$list_txn = $NestedSet->getTaxonomyWithParents($options);
unset($options);
print_r($list_txn);

แสดงรายการ(หลายๆรายการ)

นอกจากการดึงรายการที่เลือกแล้ว คุณยังสามารถแสดงรายการทีละหลายๆรายการได้โดยใช้เมธอด listTaxonomy() สำหรับการเรียกข้อมูลออกมาเป็น array เชิงซ้อน (nested) และใช้เมธอด listTaxonomyFlatten() สำหรับการเรียกข้อมูลออกมาเป็นแบบ array ราบเรียบ.

$options = [];
$options['unlimited'] = true;
$list_txn = $NestedSet->listTaxonomy($options);
unset($options);

ตัวแปร $list_txn จะมีค่าเป็น array โดยจะมีคีย์เป็น total และ items.

ค่า options ต่างๆของทั้ง 2 เมธอดนั้นเหมือนกัน โปรดดูรายการอ้างอิงค่า options ต่างๆที่รองรับผ่านเอกสาร API.

ลบรายการ

คุณสามารถเลือกได้ว่าจะลบรายการอย่างไร

  1. ลบรายการที่เลือกและรายการลูกทั้งหมด
  2. ลบรายการที่เลือกและดึงรายการลูกขึ้นมาแทนที่

และทุกครั้งที่คุณลบข้อมูล อย่าลืมที่จะเรียกเมธอด rebuild() เพื่อทำการสร้างข้อมูล level, left, right ใหม่ให้ถูกต้อง.

ลบรายการที่เลือกและรายการลูกทั้งหมด

$NestedSet->deleteWithChildren(16);
$NestedSet->rebuild();

ลบรายการที่เลือกและดึงรายการลูกขึ้นมา

$NestedSet->deletePullUpChildren(9);
$NestedSet->rebuild();

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจใช้แท็กHTMLและแอททริบิวต์เหล่านี้: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>